วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2565

รู้จัก ภาวะบวมน้ำเหลือง อาการ และอันตรายต่อร่างกาย

 พูดถึง “น้ำเหลือง” หลายคนอาจนึกถึงแผลที่อักเสบน้ำเหลืองไหลหรืออะไรที่น่ากลัว ในบางรายอาจพบภาวะ “บวมน้ำเหลือง” ได้ด้วย


ภาวะบวมน้ำเหลือง คืออะไร

จากข้อมูลของ ศูนย์ผิวหนังและศัลยกรรมตกแต่ง โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ระบุว่า ภาวะบวมน้ำเหลือง (Lymphedema) เป็นการคั่งค้างสะสมของน้ำเหลืองชั้นใต้ผิวหนัง เกิดจากทางเดินน้ำเหลืองบริเวณที่ใกล้เคียงกันอุดกั้นหรือถูกทำลาย ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งที่บริเวณแขน ขา และอวัยวะเพศ 


สาเหตุของภาวะบวมน้ำเหลือง


  • ภาวะที่เกิดขึ้นหลังการผ่าตัดที่ต้องตัดต่อมน้ำเหลืองบริเวณนั้น เช่น การผ่าตัดมะเร็งหรือเนื้องอกบริเวณปากมดลูก เต้านม หรืออัณฑะ และภายหลังได้รับการฉายรังสีรักษาใกล้ขาหนีบ รักแร้
  • ผิวหนังเกิดภาวะติดเชื้อ และอักเสบรุนแรง อย่างซ้ำๆ
  • ได้รับอุบัติเหตุเป็นแผลลึก
  • ภาวะหลอดเลือดดำขอดหรือตีบตัน มักพบมากที่ขา
  • พันธุกรรม หรือความผิดปกติของท่อน้ำเหลืองตั้งแต่แรกเกิด

เป็นต้น


อาการภาวะบวมน้ำเหลือง

  1. อาการ ระดับอันตรายหรือความรุนแรงของอาการบวมน้ำเหลือง ขึ้นอยู่กับความเสียหายของหลอดน้ำเหลืองและเนื้อเยื่อข้างเคียง 
  2. ในระยะแรกอาจยังไม่แสดงอาการใดๆ แต่เมื่อผ่านไปสักระยะจะเริ่มมีอาการบวม ใช้นิ้วกดแล้วเป็นรอบบุ๋ม แต่ยุบลงเองได้
  3. ผิวหนังเริ่มมีความผิดปกติที่สังเกตได้ เช่น มีการสะสมของพังผืดใต้ผิวหนังมาก ผิวมีสีคล้ำและหนาขึ้น
  4. หากปล่อยให้เกิดอาการผิดปกติที่ผิวหนังเกิดขึ้นนานๆ และไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อใต้ผิวหนัง และอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น เชื้อกระจายเข้าสู่กระแสเลือด ได้


การรักษาภาวะบวมน้ำเหลือง

วิธีการรักษาภาวะบวมน้ำเหลือง ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแพทย์ เพื่อเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมกับอาการของผู้ป่วย โดยทั่วไปวิธีรักษาภาวะบวมน้ำเหลือง มีดังนี้


  • ยกอวัยวะที่บวมน้ำเหลืองขึ้นสูง ช่วยให้น้ำเหลืองที่คั่งอยู่กลับคืนสู่ร่างกาย
  • งดอาการเค็ม ไขมันสูง
  • พันผ้ายืดให้ตึงพอดี หรือสวมถุงน่องที่กระชับพอดีตลอดเวลา ถอดเฉพาะเวลาอาบน้ำ
  • ขันชะเนาะลดบวม
  • นวดด้วยเครื่องอัดลม
  • ผ่าตัดด้วยเทคนิค super microsurgery


Cr.sanook

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น